วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2558

บทที่ 12 ความเสี่ยง การควบคุม มาตรการด้านความปลอดภัยและการกู้คืน (เรื่องที่ 4 คำศัพท์)

เรื่องที่ 4 คำศัพท์

คำศัพท์                                                                     ความหมาย

          1.  Natural Disasters                                               ภัยธรรมชาติ

          2.  ฺBlackouts and Brownouts                                  ไฟดับและไฟตก

          3.  Control Measures                                               มาตรการควบคุม

          4.  Access Controls                                                 การควบคุมการเข้าถึง

          5.  Atomic Transactions                                          ความเป็นหนึ่งเดียวในทรานแซกชั่น

          6.  Security Measures                                             มาตรการความปลอดภัย

          7.  Authentication                                                   การพิสูจน์ตัวตน

          8.  Encryption                                                         การเข้ารหัส

          9.  Digital Signatures                                              ลายเซ็นดิจิตอล

          10.  Digital Certificates                                          ใบรับรองดิจิตอล

บทที่ 12 ความเสี่ยง การควบคุม มาตรการด้านความปลอดภัยและการกู้คืน (เรื่องที่ 3 ใบรับรองดิจิตอล)

เรื่องที่ 3 ใบรับรองดิจิตอล


                การพิสูจน์ตัวตนด้วยลายเซ็นดิจิตอล ทั้งฝั่งผู้ส่งกับผู้รับ หรือผู้ซื้อกับผู้ขาย จะต้องใช้ใบรับรองดิจิตอล กล่าวคือ ลายมือชื่อของผู้ส่งจะต้องได้รับการรับรองจากองค์กรที่ออกใบรับรอง (Certificate Authority : CA) ซึ่งองค์กรดังกล่าว ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อประกอบกิจการออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ โดยใบรับรองดังกล่าว จะนำเสนออยู่ในรูปแบบของใบรับรองดิจิตอล (Digital Certificates) ที่เทียบเท่ากับบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อยืนยันความเป็นตัวคุณ โดยใบรับรองดิจิตอลดังกล่าว จะประกอบด้วยชื่อบุคคลที่ถือครอง หมายเลข (Serial Number) วันที่หมดอายุ และสำเนาใบรับรองที่แสดงถึงผู้ถือครองกุญแจสาธารณะ นอกจากนี้ยังบรรลุลายเซ็นดิจิตอลขององค์กรที่ออกใบรับรองอีกด้วย



บทที่ 12 ความเสี่ยง การควบคุม มาตรการด้านความปลอดภัยและการกู้คืน (เรื่องที่ 2 การตรวจสอบประวัติการทำงาน)

เรื่องที่ 2 การตรวจสอบประวัติการทำงาน


                Audit Trail เป็นเครื่องมือที่นำมาใช้เพื่อจัดเก็บประวัติข้อมูลที่ต้องการตรวจสอบ (ขึ้นอยู่กับแต่ละระบบ) โดยสามารถนำมาใช้เพื่อตรวจสอบประวัติการทำงานของพนักงาน หรือผู้ใช้แต่ละคนที่เข้ามาใช้ระบบไม่ว่าจะเป็นการบันทึก เพิ่มรายการ การปรับปรุง การแก้ไข หรือลบข้อมูล ซึ่งสามารถตรวจสอบประวัติการบันทึกรายการทรานแซกชั่นต่างๆ เหล่านั้นในช่วงเวลาต่างๆ ภายใต้การรับรองความถูกต้องของผู้หนึ่งผู้ใด โดยเมื่อพนักงานได้มีการบันทึกรายการทรานแซกชั่นใดๆ ระบบก็จะมีการสร้างไฟล์พิเศษขึ้นมาเพื่อบันทึกเหตุการณ์การใช้งานของวันนั้น เวลานั้น รวมถึงชื่อผู้ใช้งาน หรือรหัสผ่านของผู้ใช้ที่เข้ามาทำการอัปเดตไฟล์ข้อมูลบนคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นๆ ซึ่งปกติผู้ใช้ทั่วไปมักไม่ล่วงรู้เลย ว่าระบบคอมพิวเตอร์ได้ทำการบันทึกข้อมูลการใช้งานของท่านอยู่ ซึ่งนับเป็นมาตรการควบคุมที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบพฤติกรรมการปฏิบัติงานในกิจกรรมต่างๆ ของผู้ใช้ที่มีต่อระบบที่น่าสนใจทีเดียว โดย Audit Trails มีประโยชน์และถือเป็นเครื่องมือสำคัญของผู้ตรวจสอบระบบสารสนเทศ ซึ่งเป็นบุคคลที่เชี่ยวชาญในการค้นหาข้อผิดพลาด หรือสืบสวนจากกรณีฉ้อกลใดๆ จากไฟล์ใน Audit Trails 



บทที่ 12 ความเสี่ยง การควบคุม มาตรการด้านความปลอดภัยและการกู้คืน (เรื่องที่ 1 การสำรองข้อมูล)

เรื่องที่ 1 การสำรองข้อมูล


                แนวทางในการป้องกันความเสียหายของข้อมูลที่ง่ายที่สุดก็คือ การทำสำเนาข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่แบบอัตโนมัติ เราเรียกกระบวนการนี้ว่า การสำรองข้อมูล โดยสื่อที่จะนำมาใช้เพื่อการจัดเก็บข้อมูลสำหรับระบบโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีผนวกโปรแกรมเพื่อสำรองข้อมูลแบบอัตโนมัติเอาไว้ด้วย ข้อมูลที่ถูกคัดสำเนาอาจจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีราคาไม่แพง แต่มีความจุสูง เช่น เทปแม่เหล็ก อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตมักเสนออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เรียกว่า RAID (Redundant Array of Independent Disks) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มักถูกนำมาใช้กับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยระบบจะมีฮาร์ดดิสก์ที่บรรจุไว้ในเครื่องมากกว่า 1 ตัว เพื่อทำการสำรองข้อมูล และหากมีฮาร์ดดิสก์ตัวใดตัวหนึ่งเกิดความเสียหายขึ้นมา ฮาร์ดดิสก์ที่เหลืออยู่ก็จะถูกนำมาใช้งานโดยอัตโนมัติ ทำให้ระบบงานยังคงสามารถดำเนินการได้ตามปกติ


บทที่ 11 การวางแผนและการพัฒนาระบบ (เรื่องที่ 4 คำศัพท์)

เรื่องที่ 4 คำศัพท์

คำศัพท์                                                                     ความหมาย

          1.  Organizational Planning                                     การวางแผนองค์กร

          2.  Strategic Planning                                               การวางแผนกลยุทธ์

          3.  Strategic Visioning                                             การกำหนดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์

          4.  Business Model                                                   แบบจำลองธุรกิจ

          5.  Scope                                                                   ขอบเขต

          6.  Pricing                                                                 ราคา

          7.  Revenue Source                                                   แหล่งรายได้

          8.  Implementation                                                    การนำไปใช้

          9.  Capabilities                                                          ความสามารถ

          10.  Sustainability                                                     ความยั่งยืน

บทที่ 11 การวางแผนและการพัฒนาระบบ (เรื่องที่ 3 ขั้นตอนการวางแผนระบบสารสนเทศ)

เรื่องที่ 3 ขั้นตอนการวางแผนระบบสารสนเทศ

                การวางแผนทางด้านไอทีหรือระบบสารสนเทศ ประกอบด้วยขั้นตอนหลักๆ อยู่เพียงไม่กี่ขั้นตอน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวางแผนเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ อันประกอบด้วย

-           สร้างพันธกิจระดับองค์กรและพันธกิจทางไอทีขึ้นมา
-           กำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนต่อการนำไอทีมาใช้กับองค์กร
-           สร้างกลยุทธ์ทางไอทีและแผนยุทธวิธีขึ้นมา
-           วางแผนการปฏิบัติงานเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จตามพันธกิจและวิสัยทัศน์
-           กำหนดงบประมาณเพื่อมั่นใจได้ว่าสามารถจัดหาทรัพยากรเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จตาม          พันธกิจและวิสัยทัศน์ 



บทที่ 11 การวางแผนและการพัฒนาระบบ (เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์)

เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์

                ระยะการวิเคราะห์จะต้องมีคำตอบเกี่ยวกับคำถามว่าใคร (Who) เป็นผู้ที่ใช้ระบบ และมีอะไรบ้าง (What) ที่ระบบต้องทำ ในระยะนี้ นักวิเคราะห์ระบบจะต้องดำเนินการในขั้นตอนของการวิเคราะห์ระบบงานปัจจุบัน เพื่อนำมาพัฒนาแนวความคิดสำหรับระบบใหม่

                วัตถุประสงค์หลักของระยะการวิเคราะห์ก็คือ จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจในความต้องการต่างๆ ที่ได้รวบรวมมา ดังนั้น การรวบรวมความต้องการ (Requirements Gathering) จึงจัดเป็นงานส่วนพื้นฐานของการวิเคราะห์ โดยข้อมูลความต้องการเหล่านี้ นักวิเคราะห์ระบบจะนำมาวิเคราะห์เพื่อที่จะประเมินว่าควรมีอะไรบ้างที่ระบบใหม่ต้องดำเนินการ



บทที่ 11 การวางแผนและการพัฒนาระบบ (เรื่องที่ 1 การวางแผนองค์กร)

เรื่องที่ 1 การวางแผนองค์กร

          ปกติแล้ว การดำเนินงานใดๆ ในภาคธุรกิจมักจะเริ่มต้นด้วยการวางแผนเสมอ เพราะการวางแผนถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะนำพาให้องค์กรไปสู่เป้าหมายด้วยวิธีการอย่างมีแบบแผน มีทิศทางกระบวนการทำงานอย่างมีระบบ ดังรูปที่แสดงถึงส่วนประกอบ การวางแผนองค์กร (Organizational Planning) ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการวางแผนขั้นพื้นฐาน ที่พอสรุปได้ดังนี้

                1.  การสร้างทีมงาน ตัวแบบจำลอง และการเห็นพ้องต้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์

                2.  การประเมินผลสำเร็จขององค์กร และการได้มาของทรัพยากรเหล่านั้น

                3.  การวิเคราะห์ธุรกิจ เศรษฐกิจ การเมือง และสภาพแวดล้อมทางสังคม

                4.  การคาดการณ์และประเมินผลกระทบจากการพัฒนาในอนาคต

                5.  การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน และตัดสินใจว่าอะไรคือเป้าหมายที่พวกเราต้องทำให้สำเร็จ

                6.  การตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมใดๆ ที่นำไปสู่ผลสำเร็จได้ตามเป้าหมาย



บทที่ 10 ระบบชาญฉลาด (เรื่องที่ 4 คำศัพท์)

เรื่องที่ 4 คำศัพท์

คำศัพท์                                                                      ความหมาย

          1.  Intelligent Systems                                             ระบบชาญฉลาด

          2.  Artificial Intelligence                                          ปัญญาประดิษฐ์

          3.  Robotics                                                              หุ่นยนต์

          4.  Learning Systems                                                ระบบการเรียนรู้

          5.  Neural Networks                                                 โครงสร้างประสาทเทียม

          6.  Explanation                                                          การอธิบาย

          7.  Inference Engine                                                  กลไกการอนุมาน

          8.  User Interface                                                       การอินเตอร์เฟซกับผู้ใช้

          9.  The Domain Expert                                             ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

          10.  Virtual Reality System                                      ระบบเสมือนจริง

บทที่ 10 ระบบชาญฉลาด (เรื่องที่ 3 เจเนติกอัลกอริทึม)

เรื่องที่ 3 เจเนติกอัลกอริทึม


                เจเนติกอัลกอริทึม ในบางครั้งอาจเรียกว่า เจเนติกโปรแกรม (Genetic Program) เป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ใหญ่และซับซ้อนเกินกว่าที่มนุษย์จะกระทำได้ โดยเจเนติกอัลกอริทึม จะใช้กลไกการเลียนแบบการคัดเลือกพันธุกรรมตามธรรมชาติ ซึ่งปกติพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก จะพัฒนาการด้วยการคัดสรรแต่สิ่งที่ดีที่สุดในสายพันธุ์เพื่อสืบทอดไปยังรุ่นถัดไป ดังนั้นการแก้ไขปัญหาของเจเนติกจึงใช้การปฏิบัติการแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือเปลี่ยนตัวแบบจำลองและคอยดูวิวัฒนาการ จนกระทั่งปรากฏผลที่ดีที่สุดออกมา ซึ่งวิธีดังกล่าวจะตั้งอยู่บนพื้นฐานทฤษฎีของวิวัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับ (1) ความแตกต่างแปรผันทางพันธุกรรม (Variation) และ (2) การคัดเลือกตามธรรมชาติ (Natural Selection) โดยเจเนติกอัลกอริทึมมีประโยชน์เป็นพิเศษสำหรับเหตุการณ์ที่มีทางออกอยู่นับพัน และเป็นไปได้ว่าจะต้องหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด ดีที่สุด โดยซอฟต์แวร์เจเนติกอัลกอริทึมจะใช้กลุ่มของกฎกระบวนการวิทยาศาสตร์ (อัลกอริทึม) ที่ระบุถึงวิธีการรวมตัวกันในส่วนประกอบของกระบวนการอย่างไร เพื่อนำไปสู่พันธุกรรมใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากลักษณะดั้งเดิม ซึ่งอาจใช้กระบวนการสุ่มเพื่อประมวลผลรวมกัน (Mutation) ด้วยการนำกระบวนการที่ดีๆ จากหลายๆ ส่วนมารวมเข้าด้วยกัน (Crossover) และคัดเลือกกลุ่มกระบวนการที่ดีที่สุด (Select) เพื่อสร้างแนวทางในการแก้ปัญหาที่ดียิ่งขึ้น


บทที่ 10 ระบบชาญฉลาด (เรื่องที่ 2 การประมวลผลภาษาธรรมชาติ)

เรื่องที่ 2 การประมวลผลภาษาธรรมชาติ


                เป็นระบบที่ให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจภาษาธรรมชาติของมนุษย์ ด้วยการรับอินพุตที่ป้อนเข้าไปด้วยภาษาธรรมชาติ จากนั้นระบบก็วิเคราะห์โครงสร้างและความหมายทางภาษา ซึ่งกระบวนการวิเคราะห์นี้จะทำงานร่วมฐานความรู้ และต่อมาก็จะประเมินค่าและหาคำตอบและส่งเอาต์พุตออกมาเป็นเสียงพูดหรือภาษามนุษย์ออกมา ตัวอย่างเช่น ลูกค้าได้สอบถามยอดบัญชีธนาคารผ่านคอมพิวเตอร์ ว่ามียอดคงเหลืออยู่ในบัญชีเท่าไหร่? คอมพิวเตอร์ก็จะแจ้งยอดคงเหลื่อในบัญชีผ่านเสียงพูดออกมาให้รับทราบ เป็นต้น แต่ปัญหาของการประมวลผลภาษาธรรมชาติก็คือ กรณีคำพูดที่สั่งผ่านคอมพิวเตอร์นั้นไม่ชัดเจน รวมถึงคำย่อ อาจส่งผลต่อการแปลผลออกมาผิดพลาดได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ระบบประมวลผลภาษาธรรมชาติในยุคปัจจุบันมีความสามารถสูงขึ้น โดยเฉพาะความสามารถในการตรวจสอบคำสะกดผิดพลาด การแปลคำย่อมาเป็นคำเต็ม และอนุญาตให้ผู้ใช้สอบถามหรือโต้ตอบกับระบบได้ผ่านภาษาอังกฤษ



บทที่ 10 ระบบชาญฉลาด (เรื่องที่ 1 เทคนิคและเครื่องมือในการพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญ)

เรื่องที่ 1 เทคนิคและเครื่องมือในการพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญ

                ในเชิงทฤษฎี ระบบผู้เชี่ยวชาฐสามารถถูกพัฒนาขึ้นจากภาษาโปรแกรมได้หลายภาษาด้วยกัน โดยเฉพาะในยุคแรกๆ ของการพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญ ได้มีการใช้ภาษาระดับสูงที่มีมาตั้งแต่เดิมเขียน เช่น ภาษา Pascal, FORTRAN และ COBOL พิจารณาจากรูป จะพบว่า ช่วงก่อนปี ค.ศ. 1980 มีการนำภาษาคอมพิวเตอร์ดั้งเดิม มาเขียนโปรแกรมระบบผู้เชี่ยวชาญขึ้นมา แต่ภายหลังจากปี ค.ศ. 1980 เป็นต้นมา ได้เกิดภาษา LISP ซึ่งเป็นภาษาเฉพาะ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชั่นทางปัญญาประดิษฐ์ ขณะเดียวกัน ภาษา PROLOG ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อการประยุกต์ใช้ทางปัญญาประดิษฐ์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นไป ได้มีผลิตภัณฑ์และเครื่องมือในการพัฒนาระบบผู้เชี่ยวชาญขึ้น ด้วยการย้ายจากการพัฒนาที่ต้องเขียนโปรแกรม มาเป็นการพัฒนาในรูปแบบที่ไม่ต้องเขียนโปรแกรม (Non-Programmers) อีกต่อไป


บทที่ 9 การจัดการความรู้และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (เรื่องที่ 4 คำศัพท์)

เรื่องที่ 4 คำศัพท์

คำศัพท์                                                                      ความหมาย

          1.  Expert Systems                                                   ระบบผู้เชี่ยวชาญ

          2.  Knowledge                                                          ความรู้

          3.  Knowledge Management                                    การจัดการความรู้

          4.  Learning Organization                                        องค์กรแห่งการเรียนรู้

          5.  Data                                                                     ข้อมูล

          6.  Information                                                         สารสนเทศ

          7.  Tacit Knowledge                                                 ความรู้โดยนัย

          8.  Create Knowledge                                              การสร้างความรู้

          9.  Spokesperson                                                      การเป็นโฆษณา

          10.  Liaison                                                              การประสานงาน

บทที่ 9 การจัดการความรู้และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (เรื่องที่ 3 การวิเคราะห์ความอ่อนไหว)

เรื่องที่ 3 การวิเคราะห์ความอ่อนไหว


          ถือเป็นกรณีพิเศษของการวิเคราะห์แบบ what-if เป็นการศึกษาถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการแทนค่า การกำหนดเงื่อนไขใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อนำมาวิเคราะห์เป็นผลลัพธ์ออกมาว่าค่าที่ได้มีความแตกต่างไปจากเดิมมากน้อยเพียงใด ค่าที่ได้อยู่ในระดับที่สามารถส่งผลกระทบต่อแนวทางในการปฏิบัติมากน้อยเพียงไร หากไม่มีผลมากนัก หรือไม่ส่งผลเลย นั่นหมายความว่าวิธีการที่นำมาวิเคราะห์ในเรื่องราวนั้นๆ มีความมั่นคง ไม่อ่อนไหว และน่าเชื่อถือ แต่หากผลลัพธ์ได้ กลับได้ค่าที่แตกต่างกันมากอย่างเห็นได้ชัด ย่อมนำไปสู่ความไม่มั่นใจและไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้น แบบจำลองที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Model) จึงหมายถึง หากมีการเปลี่ยนแปลงค่าเงื่อนไขเพียงเล็กน้อย จะส่งผลต่อแนวทางการแก้ไขที่แตกต่างกัน ในขณะที่ แบบจำลองไม่อ่อนไหว (Nonsensitive Model) ก็คือ การเปลี่ยนค่าเงื่อนไขใดๆ มิได้ส่งผลต่อแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ได้คัดเลือกไว้ ดังนั้นหากแบบจำลองไม่อ่อนไหวมีค่าสูง ย่อมมีโอกาสนำไปสู่ความสำเร็จต่อการแก้ไขปัญหาได้มากกว่าแบบจำลองที่มีความอ่อนไหวนั่นเอง


บทที่ 9 การจัดการความรู้และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์แบบ what-if)

เรื่องที่ 2 การวิเคราะห์แบบ what-if


              เป็นการวิเคราะห์ว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเกิดเหตุ....?” โดยผู้สร้างตัวแบบจำลองนี้จะทำการคาดเดาเหตุการณ์ และตั้งสมมติฐานด้วยการพิจาณาจากข้อมูลที่ได้ป้อนเข้าไป ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับความเที่ยงตรงและความแม่นยำของสมมติฐาน การวิเคราะห์แบบ what-if จะพยายามคาดเดาถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในสมมติฐาน เช่น การเปลี่ยนแปลงค่าตัวแปร หรือความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขเฉพาะหน้า ตัวอย่างเช่น จะเกิดอะไรขึ้นต่อต้นทุนสินค้าคงคลังทั้งหมด ถ้าสมมติฐานเดิมของการแบกภาระต้นทุนสินค้าคงคลังไม่ใช่ 10% แต่เป็น 12%” อย่างไรก็ตาม สำหรับในระบบธุรกิจอัจฉริยะที่ได้รับการออกแบบมาดี ผู้บริหารจะสามารถโต้ตอบด้วยการตั้งคำถามในลักษณะนี้ซ้ำๆ ผ่านแบบจำลองในคอมพิวเตอร์ได้ทุกเวลาตามที่ต้องการ โดยคำตอบที่ได้จะแสดงผลออกมาอย่างรวดเร็ว



บทที่ 9 การจัดการความรู้และระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (เรื่องที่ 1 ระดับการจัดการ)

เรื่องที่ 1 ระดับการจัดการ

           กระบวนการจัดการในแต่ละระดับ จะสัมฤทธิ์ผลได้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร ดังรูปที่ได้แสดงให้เห็นถึงความต้องการทางสารสนเทศแต่ละชนิดกับผู้ตัดสินใจในองค์กร จะพบว่ามีความสัมพันธ์ไปตามทิศทางเดียวกันกับระดับการจัดการ และโครงสร้างการตัดสินใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องทำความเข้าใจในกรอบการทำงานดังกล่าวเสียก่อน และถือเป็นสิ่งที่ถูกนำมาใช้กันยาวนานในรูปแบบที่มักเรียกกันว่า การจัดการทรงพีระมิด นั่นเอง

                1.  การจัดการเชิงกลยุทธ์

                2.  การจัดการเชิงยุทธวิธี

                3.  การจัดการด้านการปฏิบัติงาน


บทที่ 8 โซ่อุปทานและแอปพลิเคชั่นระดับองค์กร (เรื่องที่ 4 คำศัพท์)

เรื่องที่ 4 คำศัพท์

คำศัพท์                                                                   ความหมาย

          1.  Supply Chain                                                  โซ่อุปทาน

          2.  Distributors                                                     ผู้จัดจำหน่าย

          3.  Retailers                                                          ร้านค้าปลีก

          4.  Vertical Integration                                          การบูรณาการแบบแนวตั้ง

          5.  Economies of  Scale                                        การประหยัดจากขนาด

          6.  Customer                                                          ลูกค้า

          7.  Service Provider                                               ผู้ให้บริการ

          8.  Wholesaler                                                       ผู้ค้าส่ง

          9.  Manufacturer                                                   ผู้ผลิต

          10.  Globalization                                                 โลกาภิวัตน์

บทที่ 8 โซ่อุปทานและแอปพลิเคชั่นระดับองค์กร (เรื่องที่ 3 แอปพลิเคชั่นระดับองค์กรในยุคหน้า)

เรื่องที่ 3 แอปพลิเคชั่นระดับองค์กรในยุคหน้า


                ในปัจจุบัน ผู้ผลิตซอฟต์แวร์เกี่ยวกับแอปพลิชั่นระดับองค์กร ได้พัฒนาให้ตัวซอฟต์แวร์มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงการนำไปใช้บนเว็บ และความสามารถในการบูรณาการเข้ากับระบบอื่นๆ จึงทำให้ระบบเดิมๆ ที่ใช้งานอยู่นั้นเป็นสิ่งล้าสมัยไปในที่สุด ดังรูปที่ได้แสดงถึงวิวัฒนาการของระบบ ERP ที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการของระบบ ERP ที่ถูกพัฒนาให้มีความยืดหยุ่นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ (Flexible ERP) จนสามารถนำมาใช้งานบนเว็บ (Web-Enabled ERP) และพัฒนาให้สามารถใช้งานร่วมกันระหว่างองค์กร (Interenterprise ERP) ได้ จนในที่สุดก็พัฒนาเป็นชุดระบบงานธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business Suits)


บทที่ 8 โซ่อุปทานและแอปพลิเคชั่นระดับองค์กร (เรื่องที่ 2 ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์)

เรื่องที่ 2 ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์

                ในการดำเนินธุรกิจใดๆ เพื่อให้องค์กรธำรงอยู่รอดต่อไปได้นั้น จำเป็นต้องมีลูกค้า ดังนั้นการได้มาของลูกค้าจึงสามารถมาได้จาก (1) การหาลูกค้ารายใหม่ และ (2) การรักษาฐานลูกค้าเก่า ด้วยการสร้างความสัมพันธ์อันดี เพื่อนำไปสู่การสร้างผลกำไรจากฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม

                ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์ หรือระบบ CRM เป็นระบบที่องค์กรสามารถนำมาใช้ เพื่อช่วยจัดการด้านความสัมพันธ์กับลูกค้าเพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ โดยระบบ CRM ที่สมบูรณ์ จะจัดเตรียมสารสนเทศที่มีการประสานงานทางกระบวนการธุรกิจทั้งหมดเข้าด้วยกัน เพื่อติดต่อกับลูกค้าทั้งในเรื่องของการขาย การตลาด และการบริการ


บทที่ 8 โซ่อุปทานและแอปพลิเคชั่นระดับองค์กร (เรื่องที่ 1 ต้นทุนของระบบ ERP)

เรื่องที่ 1 ต้นทุนของระบบ ERP


                Jim Prevo ซึ่งดำรงตำแหน่ง CIO ของบริษัท Green Mountain Coffee แห่งมลรัฐ Vermont ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความสำเร็จในการนำระบบ ERP มาใช้ว่า ถึงแม้ประโยชน์ของระบบ ERP จะมีมากมายก็ตาม แต่ก็ต้องพิจารณาถึงต้องทุนและความเสี่ยงด้วย ซึ่งในความเป็นจริง ก็มีทั้งธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากการนำระบบ ERP มาใช้ ในทำนองเดียวกัน ก็มีธุรกิจไม่น้อยที่ล้มเหลวจากการนำระบบ ERP มาใช้เช่นกัน พิจารณาจากรูปที่แสดงถึงความสัมพันธ์ทางขนาดและชนิดของต้นทุนในการนำระบบ ERP มาใช้กับทางบริษัท ซึ่งได้จัดแบ่งประเภทต้นทุนต่างๆ ออกเป็น ต้นทุนทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การฝึกอบรมและการบริหารการเปลี่ยนแปลง การแปลงข้อมูล และการปรับรื้อระบบใหม่ จะพบว่า ต้นทุนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ถือเป็นส่วนน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนทั้งหมด ในขณะที่ต้นทุนการพัฒนากระบวนการธุรกิจใหม่หรือการปรับรื้อระบบใหม่ (Reengineering) และการจัดเตรียมพนักงานสำหรับระบบใหม่ (การฝึกอบรมและการบริหารการเปลี่ยนแปลง) จะมีสัดส่วนของต้นทุนที่ใหญ่มาก เมื่อเทกับต้นทุนด้านอื่นๆ


บทที่ 7 ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ (เรื่องที่ 4 คำศัพท์)

เรื่องที่ 4 คำศัพท์

คำศัพท์                                                                     ความหมาย

          1.  Effectiveness                                                      ประสิทธิผล

          2.  Efficiency                                                           ประสิทธิภาพ

          3.  Productivity                                                        การเพิ่มผลผลิต

          4.  Demand Reports                                                 รายงานตามคำขอ

          5.  Exception Report                                                รายงานข้อยกเว้น

          6.  Cash Management                                              การบริหารเงินสด

          7.  Investment Analysis                                           การวิเคราะห์การลงทุน

          8.  Shipping                                                             การจัดส่งสินค้า

          9.  Market Research                                                 การวิจัยตลาด

          10.  Community                                                       ชุมชน

บทที่ 7 ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ (เรื่องที่ 3 การบริการลูกค้า)

เรื่องที่ 3 การบริการลูกค้า


                องค์กรสามารถประหยัดเงินได้จำนวนมากในแต่ละปี จากงานบริการลูกค้าที่เดิมต้องว่าจ้างพนักงานมาเป็นการบริการที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีเว็บ ที่สามารถเปิดบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 365 วันต่อปี ซึ่งนอกจากช่วยองค์กรลดต้นทุนด้านแรงงานแล้ว ยังช่วยประหยัดต้นทุนเกี่ยวกับการดำเนินงานทางไปรษณีย์ รวมถึงกระดาษที่ต้องนำมาใช้ติดต่อกับลูกค้า ทั้งนี้งานบริการบนพื้นฐานเว็บ ได้สร้างความสะดวกต่อการตอบคำถามให้กับลูกค้า ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ และอาจเตรียมคำถามที่มักถูกถามบ่อยๆ (FAQs) พร้อมคำตอบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถอ่านศึกษาและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เทคโนโลยีเว็บในการติดตามลูกค้า และการจัดการข้อมูลลูกค้า เป็นต้น


บทที่ 7 ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ (เรื่องที่ 2 ระบบสารสนเทศทางการตลาด)

เรื่องที่ 2 ระบบสารสนเทศทางการตลาด


                ไม่มีธุรกิจการค้าใดๆ ที่สามารถอยู่รอดได้โดยปราศจากการขายสินค้าหรือบริการ ดังนั้นหน้าที่ทางธุรกิจของการตลาดจะเกี่ยวข้องกับการวางแผน การส่งเสริมการขาย และการขายสินค้าตามท้องตลาด นอกจากนี้ ยังต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ หาแหล่งตลาดใหม่ๆ เพื่อบริการแก่ลูกค้าปัจจุบันและลูกค้ารายใหม่อย่างสม่ำเสมอ การตลาดจึงจัดเป็นส่วนงานที่มีบทบาทสำคัญ ต่อการดำเนินงานทางธุรกิจขององค์กร โดยองค์กรสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยปฏิบัติหน้าที่ทางการตลาด เพื่อเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว บนสภาพแวดล้อมทางธุรกิจของปัจจุบัน รูปต่อไปนี้ ได้แสดงถึงความสามารถของระบบสารสนเทศที่นำมาใช้กับระบบการตลาด


บทที่ 7 ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ (เรื่องที่ 1 มิติของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ)

เรื่องที่ 1 มิติของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ


                จุดประสงค์หลักของระบบ MIS ก็คือ ความสามารถในการส่งเสริมให้องค์กรได้บรรลุถึงเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยการช่วยให้ผู้บริหารมองเห็นผลการปฏิบัติงานทั่วไปภายในองค์กรได้ ทำให้สามารถเข้าไปควบคุมจัดการ และวางแผนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออาจกล่าวสั้นๆ ได้ว่า ระบบ MIS จะช่วยจัดเตรียมรายงานทางสารสนเทศแก่ผู้บริหาร เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยให้ได้รับผลสะท้อนกลับ (Feedback) จากการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานในแต่ละวัน พิจารณาจากรูปต่อไปนี้ ที่แสดงถึงบทบาทของระบบ MIS กับการไหลของสารสนเทศในองค์กร โดยธุรกรรมทางธุรกิจต่างๆ จะสามารถถูกป้อนเข้าสู่องค์กรด้วยวิธีดั้งเดิม หรือผ่านอินเทอร์เน็ต เอ็กซ์ทราเน็ต เพื่อติดต่อกับลูกค้าและผู้ขาย เพื่อเข้าสู่ระบบ ERP ขององค์กร หรือผ่านระบบประมวลผลรายการประจำวัน (TPS) ซึ่งจะพบว่าการใช้งานระบบ MIS จะครอบคลุมงานทุกระดับของการจัดการเลยทีเดียว รวมถึงการสนับสนุนแก่ผู้ใช้ตลอดทั่วองค์กร


บทที่ 6 อีบิสซิเนสและอีคอมเมิร์ซ (เรื่องที่ 4 คำศัพท์)

เรื่องที่ 4 คำศัพท์

คำศัพท์                                                                     ความหมาย

          1.  Global Reach                                                       ขอบเขตครอบคลุมทั่วโลก

          2.  Universal Standards                                             มาตรฐานระดับสากล

          3.  Richness                                                               ความสมบูรณ์ในข่าวสาร

          4.  Interactivity                                                          การโต้ตอบระหว่างกัน

          5.  Social Technology                                                เทคโนโลยีทางสัมคม

          6.  People                                                                   คน

          7.  Public Policy                                                         นโยบายด้านสาธารณะ

          8.  Marketing and Advertising                                   การตลาดและโฆษณา

          9.  Support Services                                                   บริการสนับสนุน

          10.  Business Partnerships                                         คู่ค้าทางธุรกิจ

บทที่ 6 อีบิสซิเนสและอีคอมเมิร์ซ (เรื่องที่ 3 การรักษาความปลอดภัย)

เรื่องที่ 3 การรักษาความปลอดภัย


                มีหลากหลายวิธีด้วยกัน ที่สามารถนำมาใช้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะเรื่องของการชำระเงินให้บรรลุผลอย่างปลอดภัย สำหรับวิธีที่มักถูกนำมาใช้ก็คือ การเข้ารหัส โดยข้อมูลและสารสนเทศที่ถูกนำส่งผ่านระบบเครือข่าย จะถูกนำมาเข้ารหัส ซึ่งหากมีผู้ไม่ประสงค์ดี ได้ลักลอบหรือโจรกรรมไปใช้งาน ก็ไม่สามารถเปิดอ่านได้อย่างเข้าใจ สำหรับกลไกการรักษาความปลอดภัยที่ใช้ก็คือ โปรโตคอล SSL (Secure Sockets Layer) โดยข้อมูลที่สื่อสารระหว่างเครื่องไคลเอนต์และเซิร์ฟเวอร์ จะถูกนำมาเข้ารหัสแบบกุญแจสาธารณะ (Public Key) ซึ่งมีวิธีสังเกตง่ายๆ ว่าเว็บไซต์ใดที่มีกระบวนการรักษาความปลอดภัยดังกล่าว ตรง URL จะใช้โปรโตคอล https:// แทนที่จะเป็นโปรโตคอล http:// แบบปกติ ดังรูป


บทที่ 6 อีบิสซิเนสและอีคอมเมิร์ซ (เรื่องที่ 2 การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์)

เรื่องที่ 2 การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์

                ตามปกติ ลูกค้าทั่วไปสามารถเปิดดูรายการสินค้าต่างๆ จากแคตาล็อก หรือจากช่องทางอื่นๆ อย่างโฆษณาตามรายการโทรทัศน์ ที่ดึงดูดให้ผู้คนซื้อของหรือนักช็อปปิ้งได้กว่าล้านคนในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันทางเลือกใหม่ของนักช็อปปิ้งก็คือ สามารถเลือกซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งสะดวกกว่า และไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง

                อีคอมเมิร์ซทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้ทุกที่ ทุกวัน และทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม สินค้าและบริการที่ปรากฏให้เห็นในอีคอมเมิร์ซ จะมีอยู่จำนวนมากตามร้านค้าต่างๆ รวมถึงราคาของสินค้าตามร้านค้าอิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้จะมีราคาที่แตกต่างกัน ดังนั้นผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ยอมสละเวลาไปกับการค้นหาผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อเปรียบเทียบราคาสินค้าจากแหล่งต่างๆ ที่มีอยู่นับร้อยพัน จนในที่สุดก็ได้ราคาที่ตนเองพอใจมากที่สุด นั่นก็คือ มีราคาถูกที่สุดนั่นเอง


บทที่ 6 อีบิสซิเนสและอีคอมเมิร์ซ (เรื่องที่ 1 บริกแอนด์มอร์ตาร์)

เรื่องที่ 1 บริกแอนด์มอร์ตาร์


                จัดเป็นรูปแบบการดำเนินงานทางธุรกิจแบบดั้งเดิม (Purely Physical) ดังนั้นมิติทั้งสามไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และตัวแทนในการส่งมอบสินค้า ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกดำเนินการหรือพบปะกันจริงๆ ตามโครงสร้างเชิงกายภาพทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น ร้านค้าสะดวกซื้อที่เปิดบริการทั่วไป เมื่อลูกค้าต้องการซื้อสินค้า ก็จะต้องเดินทางมาที่ร้าน จากนั้นก็เลือกซื้อสินค้าและชำระเงินที่นั่น หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า Brick-and-Mortar เป็นการดำเนินธุรกิจแบบออฟไลน์ ที่มิได้ซื้อสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตามหากธุรกิจที่ดำเนินอยู่เดิมนี้ ได้เพิ่มช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บ ก็จะเปลี่ยนรูปแบบไปเป็น Click-and-Mortar 


บทที่ 5 การสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่าย (เรื่องที่ 4 คำศัพท์)

เรื่องที่ 4 คำศัพท์

คำศัพท์                                                                       ความหมาย

          1.  Open Systems                                                      ระบบเปิด

          2.  Industry Trends                                                    แนมโน้มด้านอุตสาหกรรม

          3.  Technology Trends                                               แนมโน้มด้านเทคโนโลยี

          4.  Personal Area Networks                                      เครือข่ายส่วนบุคคล

          5.  Local Area Network                                             เครือข่ายท้องถิ่น

          6.  Metropolitan Area Network                                 เครือข่ายระดับเมือง

          7.  Wide Area Network                                             เครือข่ายระดับประเทศ

          8.  Twisted-Pair Cable                                               สายคู่บิดเกลียว

          9.  Wireless Media                                                    สื่อกลางส่งข้อมูลแบบไร้สาย

          10.  Newsgroups                                                       กลุ่มข่าว

บทที่ 5 การสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่าย (เรื่องที่ 3 บทบาทของอินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ต)

เรื่องที่ 3 บทบาทของอินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ต


                ที่ผ่านมา เราเรียนรู้ถึงอินเทอร์เน็ตมาบ้างแล้ว แต่ด้วยโครงสร้างของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นระบบเปิดที่มีความยืดหยุ่นสูง และถือเป็นจุดเด่น จึงเป็นที่มาของการพัฒนาสู่เครือข่ายอินทราเน็ตซึ่งเป็นเครือข่ายระดับองค์กร ที่มิใช่เครือข่ายสาธารณะอีกต่อไป อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงอินทราเน็ตของแต่ละองค์กรเข้าด้วยกัน เป็นเครือข่ายเอ็กซ์ทราเน็ต ที่เปิดโอกาสให้คู่ค้าทางธุรกิจสามารถดำเนินธุรกิจผ่านเครือข่ายส่วนตัวได้ และด้วยอินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ตได้ใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับอินเทอร์เน็ต ดังนั้นระบบสารสนเทศที่ใช้งาน ก็จะรันอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีเว็บ ผ่านโปรแกรมเบราเซอร์ ทำให้เกิดความสะดวกต่อการสื่อสารและการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต หรือเอ็กซ์ทราเน็ต ทั้งนี้คอมพิวเตอร์ที่ใช้สื่อสารเพื่อการเข้าถึงเครือข่าย ก็สามารถเป็นได้ทั้งพีซีคอมพิวเตอร์ทั่วไป โน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ รวมถึงการเข้าถึงแบบไร้สายอย่างเครื่องพีดีเอ และโทรศัพท์เคลื่อนที่


บทที่ 5 การสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่าย (เรื่องที่ 2 เครือข่ายระดับประเทศ)

เรื่องที่ 2 เครือข่ายระดับประเทศ


                เครือข่ายระดับประเทศหรือเครือข่ายแวน เป็นเครือข่ายที่ส่งผ่านข้อมูลแบบระยะไกล ข้อมูลที่ส่งผ่านสามารถเป็นได้ทั้งข้อมูลทั่วไป รูปภาพ ออดิโอ และวิดีโอที่สามารถสื่อสารข้ามประเทศหรือข้ามทวีปได้ โดยเครือข่ายแวนจะเป็นเครือข่ายที่มีเจ้าของ ผู้ที่สามารถเข้าถึงได้ ต้องเป็นสมาชิกหรือเป็นพนักงานภายในองค์กรเท่านั้น นอกจากนี้ เครือข่ายแวนปกติจะมีสายแกนหลักจำนวนมากกว่าหนึ่งเส้น จึงทำให้การลำเลียงรับส่งข้อมูล สามารถมีช่องทางการเดินทางกกว่าหนึ่งเส้นทาง และยังสามารถนำสายแกนหลักบางเส้น เชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต เพื่อให้เครือข่ายสามารถเข้าถึงเครือข่ายสาธารณะได้


บทที่ 5 การสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่าย (เรื่องที่ 1 แนวโน้มด้านอุตสาหกรรม)

เรื่องที่ 1 แนวโน้มด้านอุตสาหกรรม

                สังเวียนการแข่งขันในส่วนของการบริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ได้ถูกปรับโฉมภายในระยะเวลาไม่กี่ปีมานี้เอง เนื่องจากแต่เดิม อุตสาหกรรมด้านการสื่อสารโทรคมนาคม มักถูกผูกขาดโดยภาครัฐเป็นหลัก แต่ด้วยปัจจุบัน ความต้องการด้านการบริการเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมมีสูงมาก ส่งผลต่อภาครัฐที่ไม่สามารถบริการได้อย่างทั่วถึง ต่อมาจึงมีการจัดวางกฎระเบียบใหม่ ด้วยการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในด้านการบริการในครั้งนี้ได้ จึงก่อให้เกิดการแข่งขันระหว่างบริษัทที่ให้บริการ ซึ่งต่างก็งัดกลยุทธ์เพื่อเพิ่มบริการที่ดีให้แก่ลูกค้า เพื่อขอชิงส่วนแบ่งทางการตลาด และในที่สุดก็จะเกิดการบริการใหม่ๆ แก่ประชาชนทั่วไป ทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการบริการที่ง่ายขึ้น สะดวกรวดเร็ว และมีต้นทุนที่ถูกลง


บทที่ 4 การจัดการทรัพยากรข้อมูล (เรื่องที่ 4 คำศัพท์)

เรื่องที่ 4 คำศัพท์

คำศัพท์                                                                     ความหมาย

          1.  Database                                                           ฐานข้อมูล

          2.  Database Model                                                แบบจำลองฐานข้อมูล

          3.  Operational Databases                                      ฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการ

          4.  Distributed Databases                                       ฐานข้อมูลแบบกระจาย

          5.  External Databases                                           ฐานข้อมูลภายนอก

          6.  Data Warehouses                                              คลังข้อมูล

          7.  Data Mining                                                      เหมืองข้อมูล

          8.  Data Redundancy                                             ข้อมูลมีความซ้ำซ้อน

          9.  Database Maintenance                                     การบำรุงรักษาฐานข้อมูล

          10.  Application Development                              การพัฒนาแอปพลิเคชั่น